เปิดแผลแรกแมนยูยุคใหม่เจอปัญหาเก่า เสียงนกหวีดสุดท้ายที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้ส่งสัญญาณเริ่มต้นฤดูกาล 2025-26 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือใหม่ รูเบน อโมริม ด้วยความผิดหวัง เมื่อพวกเขาพ่ายแพ้ต่อคู่ปรับสำคัญอย่าง อาร์เซนอล ไปด้วยสกอร์ 0-1 ท่ามกลางคำถามถึงปัญหาเดิมๆ ที่ยังคงตามมาหลอกหลอน นั่นคือ “ความเฉียบคมในการจบสกอร์”
เกมนี้ “ปีศาจแดง” เปิดฉากด้วยความคึกคักและพยายามสร้างเกมรุกเข้าใส่ทีมเยือนตามปรัชญาของผู้จัดการทีมคนใหม่ สถิติหลังเกมเป็นเครื่องยืนยันชั้นดี เมื่อพวกเขาสามารถสร้างโอกาสยิงประตูได้มากถึง 22 ครั้งตลอดทั้งเกม อย่างไรก็ตาม โอกาสเหล่านั้นกลับไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูเพื่อสร้างความได้เปรียบได้เลย
จังหวะที่น่าเจ็บใจที่สุดเกิดขึ้นในครึ่งแรก เมื่อ แพทริค ดอร์กู แบ็กซ้ายดาวรุ่ง เติมขึ้นมายิงไกลเต็มข้อ บอลพุ่งผ่านมือ ดาบิด รายา ไปแล้วแต่กลับชนเสาอย่างจัง นอกจากนั้น มาเธอุส คุนญ่า กองหน้าความหวังใหม่ ก็มีโอกาสหลุดเข้าไปดวลในกรอบเขตโทษ แต่กลับยิงไปติดเซฟของผู้รักษาประตูทีมชาติสเปนอย่างน่าเสียดาย
ในขณะที่เจ้าบ้านกำลังเพลิดเพลินกับการสร้างโอกาสแต่ไร้ความเฉียบขาด อาร์เซนอลกลับใช้ปรัชญา “โอกาสน้อยแต่ร้อยเปอร์เซ็นต์” ลงโทษพวกเขาอย่างเจ็บแสบ ในนาทีที่ 42 จากจังหวะเตะมุม บอลถูกเปิดเข้ามาและเป็น ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ กองหลังชาวอิตาเลียนที่อาร์เซนอลเพิ่งคว้าตัวมาร่วมทีมในฤดูกาลนี้ เทกตัวโหม่งบอลผ่านมือ อัลทาย บายินดีร์ เข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูเดียวและเป็นประตูชัยของเกมในที่สุด
ความพ่ายแพ้นัดนี้ แม้จะเป็นเพียงเกมแรกของฤดูกาล แต่ก็ได้เผยให้เห็นการบ้านชิ้นโตที่ รูเบน อโมริม และทีมงานต้องรีบกลับไปแก้ไขโดยด่วน การสร้างสรรค์เกมที่ดูดีมีอนาคตจะไร้ความหมายทันที หากไม่สามารถส่งบอลไปสู่ก้นตาข่ายของคู่แข่งได้ และนี่คือบทเรียนราคาแพงที่ “ปีศาจแดง” ได้รับตั้งแต่เสียงนกหวีดแรกของฤดูกาลใหม่